หลายๆแบรนด์ในยุคนี้ เริ่มที่จะพัฒนาสกินแคร์มา
เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ความหมองคล้ำ รอยสิว การอักเสบของผิว
หรืออะไรก็แล้วเเต่
แต่จริงๆเเล้วเเค่การที่เรามีผิวที่แข็งแรงขึ้น ก็สามารถลดการเกิดปัญหาผิวต่างๆที่อาจจะตามมาเมื่อเวลาล่วงเลยไปแล้วได้ด้วย
ที่เกราะชั้นนอกของผิวเราจะมี Langerhans Cell
ที่ทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันผิว
เเละ SHISEIDO ก็เป็นแบรนด์แรกที่พัฒนาเซรั่มที่จะมาช่วยเสริมให้ Langerhans Cell
ของเรานั้นทำงานได้ดีขึ้น เเละทำให้ผิวแข็งแรงได้
ซึ่งปกติเเล้วเวลาเราอายุมากขึ้น Langerhans Cell
เราจะเสื่อมลงไปด้วย เเละนอกจากอายุ ปัจจัยในเรื่องของมลภาวะ แสงแดดตัวดี ก็ทำให้ผิวเราอ่อนแอลงได้
และนี่จึงเป็นที่มาของ
Shiseido
Ultimune Power Infusing Concentrate
ขนาด 30 มล. ราคา 2,600 บาท, 50 มล. ราคา 3,900 บาท
ซึ่งเซรั่มนี้ขายดีม๊ากกกกว่า 1 ล้านขวดทั่วโลก เเละยังได้รับรางวัล International Beauty Awards
ด้วย ทำให้ขวันที่มีผิวแพ้ง่าย อยากลองมากๆ ว่าใช้เเล้วผิวจะโอเคขึ้น ต้านทานพวกสิ่งแปลกปลอม มลภาวะได้ดีขึ้นไหม
โดยทาง Shiseido ใช้ส่วนผสมที่เรียกว่า Ultimune Complex ที่จะมาเสริมสร้างให้เจ้า
Langerhans Cell
ปราการผิวของเราทำงานดีขึ้น ทำให้ผิวแพ้ง่าย ที่อาจเกิดผดผื่น รอยจ้ำแดง ผิวอักเสบ ดีขึ้น เเละค่อยๆแข็งแรงขึ้นจนเกิดอาการเหล่านี้น้อยลง
ส่วนผสม : Water, Alcohol Denat., Glycerin, Dimethicone,
Butylene Glycol, PEG/PPG-17/4 Dimethyl Ether, Triethylhexanoin, Ammonium
Acryloyldimethyltaurate/ Beheneth-25 Methacrylate Crosspolymer,
Phenoxyethanol, PEG-14M, Methylparaben, PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether,
Tocopheryl Acetate, Rosa Damascena Flower Water, Acrylates/C10-30 Alky
Acrylate Crosspolymer, fragrance, Disodium EDTA, Potassium Hydroxide,
Silica, Isoceteth-10, Linalool, Gingko Biloba Leaf Extract, Geraniol,
Citronellol, Sodium Carboxymethyl Beta-Glucan, BHT, Thymus Serpillum
Extract, Perilla Ocymoides Leaf Extract, Sodium Bicarbonate.
จะเห็นได้ว่าเนื้อเซรั่ม เป็นสีขาวนิดๆ มีเนื้อหนืดเล็กน้อย เเต่กลับกันก็รู้สึกซึมไว ด้วยปริมาณ Alcohol ที่มาเป็นอันดับสอง ทำให้เราอาจจะต้องบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นตามหลังจากใช้เซรั่มตัวนี้ด้วยนะคะ
วิธีการใช้ของขวันก็ง่ายมากๆ เเค่ปั๊มลงฝ่ามือประมาณ 2 ปั๊มนะคะ กล้วเปลือง 5555555
นวดลงบนฝ่ามือให้ความร้อนจากฝ่ามือ ช่วยทำให้เซรั่มซึมลงผิวได้ดีขึ้นด้วย
หลังจากนั้นขวันใช้วิธี กดลงผิวค่ะ ไม่ได้ลูบนะ การทำแบบนี้ความร้อนจะช่วยให้เนื้อเซรั่มลงผิวได้ดี เเละซึมไวขึ้นด้วย
ดูได้ชัดๆจากรูปนี้นะคะ เนื้อเซรั่มตอนเเรกจะข้นๆหน่อยเเต่เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย เมื่อซึมลงผิวไปสักพักเเล้วรู้สึกสบายผิวดี มีความหนืดเล็กน้อยหลังจากทาเสร็จ ซึ่งสักพักจะหายไปเอง เเละทำให้ผิวดูลื่นเนียนขึ้นด้วย ไม่ได้รู้สึกหนึบๆผิวเหมือนตอนแรกๆหลังทาทันที
เเละหลังจากได้ลองใช้มาประมาณ 1 เดือน ควบคู่กับ Moiturizer ตัวอื่นๆของขวันด้วย
พบว่าหลังจากที่เราลงเซรั่ม เเล้วตามด้วย Moisturizer อื่นๆ อาจจะมีขุยออกมาเล็กน้อย ถ้าทาเเรงๆ 5555555555 เเต่ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ก็แค่ลูบๆออก ตอนแต่งหน้าก็ไม่ได้ทำให้เมคอัพเป็นคราบแต่อย่างใด
ส่วนในเรื่องความแข็งแรงของผิว ผิวขวันเป็นผดน้อยลงจากอากาศร้อน เเละความชื้น ผดผื่นที่เกิดจากเชื้อยีสต์ลดลง เซปเดิร์มเป็นเเต่ใช้ระยะเวลาน้อยลงในการหาย ปกติขวันจะเป็น 1 อาทิตย์ เวลาอากาศเปลี่ยนหรือนอนน้อย เเต่นี่ใช้เวลาประมาณ 3-4 วันก็ดีขึ้นเเล้ว
ในเรื่องของสิว เจ้าตัวนี้ไม่ได้ลดสิว เเต่ทำให้พวกรอยจ้ำแดง จากการกดสิวใหม่ๆ จางลงไวขึ้น ขวันเพิ่งสังเกต หลังจากไปกดสิว โบกตัวนี้ก่อนนอน ตื่นมารอยแดงจะดูน้อยกว่าปกติค่ะ
ในเรื่องของริ้วรอย ขวันยังไม่เห็นผล เนื่องจากการใช้ 1เดือนอาจจะน้อยไป ต้องใช้เวลามากกว่านี้ เนื่องจากมันไม่ได้ช่วยเรื่องนี้โดยตรง เเต่มันทำให้เซลส์ผิวของเราแข็งแรงขึ้นนั่นเอง
สรุปว่า ถ้าใครที่กำหลังมองหาตัวช่วย ที่เน้นฟื้นฟูผิวจากต้นเหตุเลย คือความแข็งแรงของผิวดีขึ้นเมื่อไหร่ ปัญหาผิวจากมลภาวะ แสงแดด ฝุ่นละอองต่างๆก็จะน้อยลงด้วย เเต่อาจจะใช้เวลาหน่อยนึง เพราะเหมือนเป็นการเริ่มแก้ที่ต้นเหตุไปเลย
เเละด้วย Texture ที่ขวันว่ามันโอเค ซึมไว ผิวมันใช้ได้ดี ขวันก็เลยได้หยิบมาใช้บ่อยๆในช่วงเดือนที่ผ่านมา ควบคู่กับ Moisturizer ตัวอื่น อย่างที่บอกเพราะว่ามันมีแอลกอฮออล์มาในอันดับ 2 อาจจะต้องเพิ่มความชุ่มชื้น ส่วนคนที่่แพ้แอลกอฮอล์ก็อาจจะต้องเลี่ยงเด้อ
หวังว่าข้อมูลนี้จะทำให้ทุกคนตัดสินใจได้น้า เเละหวังว่าจะเป็นประโยชน์ค่ะ
สวัสดีค่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น