วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ครั้งแรกกับSerum Mask 3สูตรจาก GARNIER


ครั้งแรกของ

Serum Mask จาก Garnier

คอนเซปต์คือ การมาส์กหน้า1ครั้ง เสมือนการใช้เซรั่ม 1 สัปดาห์
เพราะปริมาณเซรั่มในแผ่นมาส์ก มีมากถึง 32 กรัมเลยทีเดียว

ซึ่งสำหรับผิวหน้าสาวๆหนุ่มๆทุกวันนี้
เทรนด์ผิวหน้าฉ่ำน้ำกำลังมา การที่เราบำรุงแค่เซรั่มบางๆทุกวันอาจจะไม่มากพอ
และด้วยกิจวัตรประจำวันแบบรีบๆ อาจจะไม่ว่างไปเข้าคลีนิค
การมาส์ก10-15 นาทีก็ช่วยได้เยอะแล้ว
การมาส์กแบบธรรมดาอาจไม่พอ  เพราะเซรั่มมาส์กจะช่วยกอบกู้ผิว บำรุงผิวได้ดีกว่าหลายเท่า

เพราะฉะนั้นเราควรมาส์กผิวอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์หน้า เพื่อผิวฉ่ำโกลว์สุขภาพดี


โดยเซรั่มมาส์กมีทั้งหมด 3 สูตรค่ะ

สีเขียว Serum Mask Purifying เพื่อผิวมัน ให้สดชื่นราวกับดีท๊อกซ์
สีฟ้า Serum Mask Hydrating เพื่อผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น
สีชมพู Serum Mask Sakura White เพื่อผิวกระจ่างใสอมชมพู

ทีนี้จะมาอธิบายทีละสูตรให้อ่านกันคร่าวๆนะคะ

Serum Mask Hydrating



สูตรแรกนี่จะชุ่มชื้นเป็นพิเศษ แต่ไม่หนักผิวนะคะ ใครที่ผิวแห้ง น่าจะชอบสูตรนี้เลย
เน้นเติมน้ำให้ผิวแบบเน้นๆ
จริงๆหน้ามันก็ใช้ได้น้า แต่แนะนำให้มาส์กก่อนนอนค่า


ส่วนผสมค่ะ

Serum Mask Sakura White

 

ตัวนี้จะเน้นทำให้ผิวกระจ่างใสอมชมพู เหมาะกับคนที่สีผิวไม่สม่ำเสมอ ขาดน้ำ หรือคนที่ผิวหมองคล้ำจากแดด ก็สามารถใช้ได้นะคะ 


ส่วนผสมค่ะ

Serum Mask Purifying


สูตรนี้ขวันชอบสุด เพราะชอบอะไรแบบสดชื่นๆ ไม่หนักผิวเกินไป สามารถมาส์กตอนเช้าได้ แล้วก็เหมาะกับผิวมันด้วย ชุ่มชื้นกำลังดี ผิวฉ่ำน้ำกำลังดีเลยค่ะ 

ซึ่งสูตรที่ขวันจะมสสอนวิธีใช้ ขวันก็จะใช้สูตรสีเขียวนี้เลย Serum Mask purifying


อีกอย่างที่ขวันชอบคือราคาไม่แพง หาซื้อง่ายด้วย เวลาผิวหน้าแห้ง เหนื่อยล้า หรือดูโทรมๆ ก็สามารถบึ่งไปวัตสันใกล้บ้าน ซื้อมาได้เลยในราคา 69 บาทเอง


 และความพิเศษของมาส์กนี้คือมันมี 2 ชั้นค่ะ คือชั้นเนื้อมาส์กเลย กับแผ่นสีฟ้าที่แปะไว้ด้านนอก
ให้เอาด้านสีขาวแปะลงผิวหน้านะคะ เอาด้านสีฟ้าออก


เพื่อความสะดวก และง่ายต่อการคลี่มาส์กออก แนะนำให้แปะลงไปที่ผิวก่อนนะคะ
แล้วค่อยดึงแผ่นแข็งๆสีฟ้าออก

เพราะถ้าเราดึงแผ่นสีฟ้าออกก่อน มาส์กจะย้วยเป็นก้อน ทำให้แปะลงบนผิวยากค่ะ


แค่นี้เราก็จะได้มาส์กที่แนบผิว จะบอกว่าแผ่นมาส์กนิ่มมากกกกกกกก และชุ่มชื้นมากๆค่ะ

เชื่อเลยว่าใส่เซรั่มมาเยอะมากจริงๆ


บีบออกมาได้เยอะมากกก ปริมาณขนาดนี้จริงๆเอาไว้ทาน่าจะได้เป็นอาทิตย์เลยอ่ะ
แต่พอมันอยู่ในแผ่นมาส์ก มันก็ดูไม่น่าจะเยอะขนาดนี้นะ
คิดดูว่ามาส์ก 1 แผ่นเราจะได้เซรั่มเน้นๆขนาดนี้เลย


และนี้คือปริมาณมาส์กที่ขวันพยายามบีบออกมาค่ะ นี่ยังบีบมาไม่หมดนะ มันซึมอยู่ในเนื้อมาส์ก และไหลเละเทะออกนอกบีกเกอร์ไปบ้าง อยู่ในซองบ้าง ก็ถือว่าเยอะมากเลย


ผิวที่ได้หลังมาส์กก็จะดูฉ่ำน้ำม๊ากกกกกก ผิวลื่นมาก ทิ้งไว้สักพักเนื้อเซรั่มก็จะซึมเข้าผิวหน้าหมด
สดชื่นมากค่ะ

เมื่อเทียบกับราคาแล้ว 69 บาท ขวันว่าคุ้มมากๆเลย ใช้แค่อาทิตย์ละครั้งก็พอแล้วอ่ะ

ดีงามมมมม 

ส่วนตัวขวันไม่แพ้ด้วย ถึงแม้สูตรสีชมพูจะมีความรู้สึกยิบๆที่คางบ้าง อาจจะเพราะสิวเพิ่งหลุด
แต่ไม่ได้มีผื่นแดงขึ้นใดๆ



สำหรับใครที่สนใจก็ไปหาซื้อได้ที่วัตสันเลยน้า

บ๊ายบายค่า




 

L’Oreal Paris Revitalift Duo Serum เซรั่ม2สี ที่เหมาะกับริ้วรอยแรกเริ่ม


หลายๆคนในช่วงอายุพอๆกับขวัน

คงกำลังเริ่มมองหาสกินแคร์ที่จะช่วยเรื่องริ้วรอยแรกเริ่มเนอะ

เพราะขวันก็กำลังหามาใช้เหมือนกัน 555555 

ช่วงอายุ 25 นี้คือริ้วรอยจะเริ่มมาเยือน 
แต่ไม่ต้องกลัวเพราะมันยังไม่ใช่ริ้วรอยลึก

เพราะฉะนั้น การเลือกใช้สกินแคร์ต้านริ้วรอยเป็นสิ่งจำเป็น

เพราะพอเราอายุมากขึ้น เราจะได้พูดได้ว่า

"อายุมากขึ้น..แล้วไงคะ"

ทีนี้ มันมีหลายตัวในท้องตลาดมากกกกกกก

ถ้าใครยังคิดไม่ออก ขวันมีมาแนะนำ คุณภาพเกินราคาไปมาด้วย นั่นก็คือ

L’Oreal Paris Revitalift Duo Serum

ลอรีอัล ปารีส รีไวทัลลิฟท์ ดูโอ เซรั่ม

(ราคา 999 บาท

 


ในรูปมีหลายตัว แต่วันนี้ขวันจะมาแนะนำตัวเซรั่มที่อยู่ทางซ้ายมือน้า


 ขวดนี้เลยค่ะ ราคา 999 บาท


ความเจ๋งคือเซรั่มตัวนี้ที่มีชื่อว่า 
L’Oreal Paris Revitalift Duo Serum นางเป็น ดูโอ้ เซรั่มนะคะ
 

คือในขวดจะแบ่งเซรั่ม2ฝั่ง ซึ่งเป็นที่สุดของ2นวัตกรรม ที่จะผสานพลังกันทันทีที่ใช้

คำเคลมของ
L’Oreal Paris Revitalift Duo Serum

เซรั่มนี้มีส่วนผสมของ โปรไซเลน (PRO-XYLANE) ที่มีความเข้มข้นสูง มีคุณสมบัติแอนตี้ออกซิเดนท์ ที่ทรงประสิทธิภาพ ฟื้นบำรุงความยืดหยุ่นจากภายใน ทำให้ผิวของเราดูเด้ง เต่งตึงขึ้น 

พอผิวตึงขึ้น ริ้วรอยก็จะดูจางลงค่ะ

และยังมีวิตามินซีจี วิตามินที่มีความเข้มข้นสูง มีคุณสมบัติแอนตี้ออกซิเดนท์ ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง โกลว์ใสใน 3 วัน 


ขวดกำลังดีเลยค่ะ ไม่เล็กไม่ใหญ่ไป


พอปั๊มออกมาเราจะได้เนื้อเซรั่ม 2 สีแบบนี้ 


 มีความเกลี่ยง่าย และเนื้อเซรั่มจะหนาหน่อยนึง แต่เนื้อนุ่มดีค่ะ กลิ่นหอมอ่อนๆที่ทาแล้วไม่รู้สึกฉุนจมูกแต่อย่างใด 



 หลังทารู้สึกว่าผิวจะผ่องๆขึ้นนิดนึงด้วยนะ เพราะคิดว่าน่าจะมาจากเซรั่มสีชมพูๆ

เดี๋ยวจะลองบนหน้าแล้วมาดูความรู้สึกตอนมันอยู่บนผิวกันนะ


คือเนื้อมันจะค่อนข้างหนานะคะ ในความคิดขวัน แต่ว่ามันเกลี่ยง่ายดี 


ทิ้งไว้สักพัก เซรั่มถึงจะซึมเข้าผิว ด้วยความที่เนื้อมันค่อนข้างชุ่มชื้น เลยจะซึมช้าเล็กน้อย เมื่อซึมแล้วจะรู้สึกผิวโกลว หนึบๆผิวเล็กน้อยในช่วงแรก แต่สักพักความรู้สึกหนึบๆจะหายไปค่ะ

ให้คะแนนความทาแล้วสบายผิวที่ 7/10 ส่วนตัวยังรู้สึกว่ามันอะไรเกาะบนผิว ซึ่งคิดว่าผิวมันน่าจะเหมาะกับทากลางคืนมากกว่า 



ส่วนตัวลองใช้ดู 3 วันตามที่เคลมว่าผิวจะโกลว์ใส พบว่าผิวโกลว์จริง แต่ริ้วรอยเล็กๆใต้ตายังอยู่
ส่วนตัวคิดว่าถ้าริ้วรอยนี่ต้องลองใช้ให้หมดขวดเลยเเหล่ะ ถึงจะบอกได้ว่ามันเวิร์คหรือไม่เวิร์ค

ความรู้สึกหลังใช้

ในส่วนของเนื้อเซรั่ม ซึมช้าเล็กน้อย และรู้สึกเหมือนมีฟิล์มๆเคลือบผิว ผิวมันอาจจะรู้สึกว่ามันฉ่ำไปหน่อย มีความหนักๆที่ผิว  ตอนแรกคิดว่าจะเป็นขุยตอนแต่งหน้า แต่ไม่มีขุยค่ะ จุดนี้ให้ 7/10 

ผลลัพธ์ในเรื่องความโกล์วใส อันนี้โกลว์จริง ผิวจะดูผ่องขึ้นเล็กน้อยค่ะ ดูผิวสดใสขึ้น 
ให้ 8/10

เรื่องความชุ่มชื้นขวันว่าชุ่มชื้นดี ตัวเดียวทาก็เอาอยู่

กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ไม่ได้รู้สึกฉุน 

ในเรื่องของริ้วรอย ใช้มาไม่นานเลยยังไม่เห็นผล ยังคงต้องรอดูกันต่อไป

ส่วนตัวคิดว่าถ้าใครชอบทาอะไรตัวเดียว อันนี้น่าจะเหมาะ เพราะทาแล้วรู้สึกมันชุ่มชื้นพอสมควร
และทำให้ผิวดูสว่างขึ้น แต่งหน้าติดดีค่ะ ไม่เยิ้ม 


ส่วนตัวคิดว่าถ้าใครที่กำลังเริ่มกังวลเรื่องของริ้วรอยแรกเริ่ม
อยากทากันไว้ก่อน หรือเพื่อทำให้ริ้วรอยต่างๆดูจางลง ในราคาจับต้องได้ และหาซื้อง่าย
ถือว่า L’Oreal Paris Revitalift Duo Serum นี่เป็นอีกตัวเลือกที่ดีเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารของ L'orea เพิ่มเติมได้ที่  https://www.lorealparisthailand.com/revitalift , Facebook :
https://www.facebook.com/lorealparisthailand/ , Line Official



sponsored post by L'oreal Paris Thailand 



วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2560

YSL all Hours Review + Swatch ทุกสี รองพื้นที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง


สวัสดีค่าาา

วันนี้ตื่นเต้นมาที่จะมารีวิวรองพื้นตัวนี้
เนื่องจากมันเป็นกระแสมากกก ตอนนี้เลย

ซึ่งนานๆที YSL เค้าจะออกรองพื้นตัวใหม่

ซึ่งตัวล่าสุดนี้คือรุ่น

YSL
All Hours Encre De Peau 


มาในขวดแก้ว หรูหราเหมือนเดิม คล้ายๆกับรุ่นเก่าที่ออกไปเมื่อปีก่อน แต่คราวนี้มาพร้อมคำเคลมที่ว่า
ปกปิด คุมมัน ติดทนทั้งวัน 


และความพิเศษของรุ่นนี้คือ มีให้เราเลือกเฉดสีถึง 22 เฉดสี สาวผิวขาวมาก จนถึงเข้มมาก ก็มีให้ใช้แน่นอน

ถ้าเลือกสีได้ถูก รับรองว่าไม่เทา ไม่ลอย ไม่คล้ำแน่ๆ

ซึ่งในรุ่น All Hours นี้ จะแบ่งเฉดสีรองพื้นเป็น 3 เฉด คือ

  • B เป็นอันเดอร์โทน Neutral กลางๆ ไม่เหลือง และไม่ชมพูเกินไป
  • BR อันเดอร์โทนชมพูจ๋าเลย เหมาะกับคนผิวอมชมพู
  • BD อันเดอร์โทนสีเหลือง สำหรับผิวเหลือง

และนี่คือทั้งหมด 22 เฉดสีที่มีขายในไทยนะ อเมซซิ่งมากกก นานๆจะเจอรุ่นรองพื้นที่มีสีให้เลือกเยอะขนาดนี้นะ ยอมใจเลย 

และแน่นอน ขวันไม่พลาดที่จะสวอชมาให้ทุกคนได้ลองเทียบสีแน่ๆค่ะ 
:D
 

จะเห็นว่า BR จะโทนชมพูมาก B จะกลางๆ และ BD จะเหลืองเลย

สำหรับคำแนะนำในการเลือกสีที่เหมาะกับผิวนะคะ

ส่วนตัวขวันว่ารองพื้นรุ่นนี้จะ 'ดรอป' เล็กน้อยเพื่อเซ็ทตัวกับผิวนะคะ เมื่อเซ็ทตัวแล้วสีจะไม่ดรอปเพิ่มค่ะ
แนะนำว่าเวลาไปลองที่เคาน์เตอร์
ให้ลองบริเวณผิวหน้าเลยนะคะ

อย่าลองแค่ที่มือแล้วเลือกสีจากแค่ที่มือ เพราะสีจะไม่ตรงแน่นอนค่ะ

ส่วนตัวตอนแรกขวันก็คิดว่าขวันจะ ใช้โทนสี B ซะอีก
แต่กับรุ่นนี้ขวันใช้ BD ค่ะ


ส่วนตัวขวันมาลงตัวที่ BD20 ค่ะ พอดีผิวเลยตอนมันดรอปเล็กน้อย ส่วนตัวว่ามันไม่ได้เหลืองมากขนาดนั้น ขวันทาแล้วไม่ดูเป็นดีซ่านเหมือนแบรนด์โทนเหลืองอื่นๆ 


มาในกล่องสีเหลืองแบบนี้เลย แพคเกจจิ้งสวยงามเหมือนเดิม แต่น้ำหนักค่อนข้างเยอะนะคะ
ไม่เหมาะกับการพกพาไปเท่าไหร่ แนะนำให้แบ่งใส่คอนเทนเนอร์เล็กๆไปแทน ถ้าจะพก


เราจะมาดูกันในส่วนของการปกปิดนะคะ ขวันลองวาดอายไลน์เนอร์สีดำลงไป
แต่บอกไว้ก่อนนะคะ ว่าสีดำเป็นสีที่กลบยาก ปกติหน้าเราไม่ได้มีรอยสีดำขนาดนี้อยู่แล้ว

นี่เลย จะเห็นว่า สี BD20 เหลืองกว่าผิวขวันเล็กน้อย และปกปิดได้กลางๆ ค่อนไปทางมากนะคะ
เนื้อเนียนสวย เกลี่ยง่าย แต่ก็ไม่ได้ลื่นมากขนาดนั้น แต่เมื่อเซทตัวแล้วค่อนข้างสบายผิว
และไม่เหนียวเหนอะหนะค่ะ

ถ้าใครถามว่าเมื่อเทียบกับรุ่นเก่าต่างกันยังไง
รุ่นเก่า Fusion Ink Foundation จะมีความเหลวกว่ามาก เมื่อเทียบกับรุ่น All Hours 
และรุ่นใหม่นี้ปกปิดมากกว่าค่ะ และติดทนมากกว่าด้วย


สำหรับเมื่อทาลงผิว จะเห็นว่าปิดรอยแดงได้ดีมาก และเบลอรูขุมขนขวันได้ด้วย 
ทั้งๆที่ขวันเป็นคนที่รูขุมขนค่อนข้างกว้าง แม้สีรองพื้นจะดูเหลืองกว่าผิวขวัน
แต่ก็ไม่ได้ดูผิดธรรมชาติ

ผิวยังมีความเงาวาว แต่ก็ไม่ได้โกลว์ ไม่แมทท์เกิน สบายผิวมาก
 เนื้อนุ่มและยืดหยุ่น ปิดรูขุมขนได้เนียนดี


รูปนี้ถ่ายจากกล้องแบบไม่ได้เบลออะไรเลยนะคะ ไม่ได้ใส่ฟิลเตอร์นะ มันเบลอรูขุมขนได้เนียนมากเลย



เทียบหน้าฝั่งที่ทา กับไม่ทาค่ะ ปกปิดรอยแดงได้ดี น่าจะเพราะเป็นอันเดอร์โทนเหลืองด้วย


ทาทั้งหน้าคือเนียนสวยมากกกก เเม้จะปกปิดรอยสิวดำๆไม่ได้เป๊ะขนาดนั้น แต่ถือว่าดีเลย
ใครมีรอยสิวใหญ่ๆ เข้มๆ อาจจะต้องใช้คอนซีลเลอร์เพิ่มนะคะ

ทีนี้เรามาดูกันเรื่องความคงทนค่ะ
 ขวันเป็นคนหน้ามันมาก เดี๋ยวเรามาดูกันเลยว่าทาแล้วทั้งวันจะเป็นยังไง
 


นี่คือผิวหน้าขวันหลังทาไปประมาณ 2 ชั่วโมง คือตอนประมาณ 17.00 น. 

จะเห็นว่าความมันบนผิวเริ่มออกมา แต่ไม่ได้เยิ้ม โดยรวมเมคอัพยังอยู่ดี ไม่มีไหล ไม่เยิ้ม ไม่คราบ


รูปนี้ถ่ายตอน 18.24 น. ออกไปกินข้าวริมถนน และยังไม่ได้ซับมันใดๆ ถ่ายจากกล้องมือถือ Iphone 6s 


หลังดูซีรี่ย์จบ นี้ถ่ายตอนประมาณ 22.10 น. ค่ะ หน้าโดยรวมยังเป๊ะมาก มีหลุดที่จมูกเล็กน้อย เพราะขวันเอามือไปโดน และข้างจมูกที่เป็นรอยเเห้งแตกจากเซปเดิร์ม(ปัญหาโรคผิวหนังขวันเอง) 
ข้างจมูกมีรองพื้นละลายพอสมควร เริ่มดูเละๆข้างจมูก แต่บริเวณข้างๆถัดออกไปยังดีอยู่ค่ะ

รอยแดงจากสิวเริ่มโผล่ออกมาให้เห็นลางๆบ้าง จากการที่หลุดออก

แต่ผิวบริเวณหน้าแก้ม หน้าผาก ยังดูเนียนสวยอยู่เหมือนเดิม

สรุปคือ ผ่านนนนนน 
ระยะเวลาทั้งหมด 7 ชั่วโมง ถือว่าโอเคมากๆเลยค่ะ เพราะขวันจะหน้ามันมาก มาได้ขนาดนี้คือดีมาก
แนะนำว่าถ้าทาแป้งฝุ่นจะทนกว่านี้ และคุมมันกว่านี้อีกนะคะ


สรุปเวลาคร่าวๆให้ดูค่ะ


ซูมมมม ให้ดูใกล้ๆ ณ เวลา 22.10 หลังผ่านไป 7 ชั่วโมง ค่ะ
ยังกริ้บอยู่นาาาา 


ทุกคนสามารถซื้อได้แล้วนะคะตั้งแต่วันนี้เลย
วางขายมาตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคมแล้วน้า สำหรับขวันว่าราคาแพงเอาเรื่องอยู่
ถ้าใครมีงบ อยากได้รองพื้น High End ขวดสวยๆ คุณภาพดี ติดทนทั้งวัน เบลอรูขุมขนได้ดี 
แนะนำ YSL All Hours ขวดนี้เลยค่ะ

ราคา 2,500 บาท

หาซื้อได้ที่ Counter YSL ได้ตามห้างสรรพสินค้าแล้วนะคะ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่


สำหรับบล๊อกนี้ก็ไปก่อนน้าาา บ๊ายบายค่า


วันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Lady Audrey แป้งข้าวคุมมัน อ่อนโยน ปลอดภัยต่อคนเป็นภูมิแพ้



วี้~~ 

สวัสดีค่าาา บล๊อกนี้ขวันจะมารีวิวแป้งแบรนด์ไทย
ดีไซน์น่ารักน่าใช้มากกกก

ส่วนตัวเคยลองใช้มานานมากแล้ว และยังติดใจความคุมมันมาถึงทุกวันนี้
ถึงตอนนั้นกระปุกจะเล็กไปหน่อย 

ซึ่งความพิเศษคือทำมาจาก"แป้งข้าว" ที่อ่อนโยนกับผิวแพ้ง่ายเป็นพิเศษ
และยังมีคุณสมบัติ  ดูดซับน้ำมันไว้ และปล่อยให้น้ำระเหยออกไปจากผิว
ปราศจากสาร ทัลคัม เหมาะมากกับคนเป็นภูมิแพ้ฝุ่น

นั่นก็คือแบรนด์

LADY AUDREY


อย่างที่ขวันบอกคือขวันเคยลองใช้แล้วชอบมากกกก ตอนนั้นแพกเกจเก่า ตอนนี้ทำใหม่ออกมาน่ารักน่าใช้มากกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ

โดยแป้งจาก Lady Audrey จะมีทั้งหมด 2 รุ่น คือ

Rice Loose Powder Long-Lasting Oil Control (2สี)
และ
Lady Audrey Rice Flawless Foundation Powder Long-Lasting Oil Control  (3สี)

ขวันจะมารีวิวทีละรุ่นให้อ่านกันนะคะ


Rice Loose Powder Long-Lasting Oil Control

18g 590 Baht



โดยจุดเด่นของรุ่นนี้เลยจะเป็น แป้งข้าว R-Micelle” ที่มีเนื้อสัมผัสของแป้งที่ละเอียด มีขนาดโมเลกุลเล็กมากๆ เลยทำให้เจ้าโมเลกุลนี้เข้าไปดูดซับความมันบนผิวหน้าได้เยอะกว่า เลยทำให้ควบคุมความมันได้ดีกว่าแป้งทั่วไปค่ะ  
และที่สำคัญยังอ่อนโยนกับผิวมากๆด้วย เพราะไม่มีส่วนผสมของแป้งทัลคัม ที่มีโมเลกุลใหญ่กว่า และอาจจะตกค้างในร่างกาย จนเป็นสาเหตุของโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
ส่วนผสมฮะ

จุดขายของแป้งฝุ่นนี้คือมี2สี ที่เข้ากับอันเดอร์โทนสีต่างๆของสาวๆเลยย
 เนื้อละเอียดมากกกกกกกกกกกกกกก จริงๆ เพราะว่าอณูเล็กกว่าแป้งทัลคัม มันละเอียดมาก กระทั่งเอานิ้วแตะแล้วมันเบา มันยวบนิ่มแบบไม่รู้สึกหนาเลยค่ะ
สีจริงๆพอปาดแล้วก็ไม่ได้ชัดมากนะคะ สามารถทาทับรองพื้นได้แบบไม่ทำให้สีเพี้ยนมาก 
ทาแล้วหน้าจะสว่างขึ้นเกือบๆเฉดนึง


ส่วนตัวชอบพัฟมากกกกก พัฟไม่สากเลย นุ่มเนียนมาก ถือว่าทำได้ดีในราคาหลักร้อย
กล้าพูดว่าทำได้ดีกว่าพัฟแป้งฝุ่นแบรนด์อื่นๆในราคาเท่าๆกันเลย ปาดสีได้ไม่เป็นก้อน ลื่น สมูธ


นุ่มมาก ไม่บาดหน้าจริงๆค่ะ ปาดแล้วไม่ลากเอารองพื้น เอาบลัชออนหลุดตามมาด้วย

เดี๋ยวจะลองทาให้ดูบนหน้านะฮะ

ขอโทษถ้าแสงดูไม่เท่ากันนะคะ เผลอกด Auto white Balance ไว้ มันเลยปรับแสงมันเอง - -
มาดูกันที่การคุมความมัน จะเห็นว่ามันวับเอาความวาวๆบนหน้าขวันหายไปเลย และไม่เป็นคราบขาวๆ 

Lady Audrey Rice Flawless Foundation Powder Long-Lasting Oil Control  

690 Baht



มาถึงรุ่นใหม่ล่าสุดของทาง Lady Audrey เลยค่ะ เป็นแป้งข้าวอัดแข็งผสมรองพื้น
ซึ่งส่วนผสม และเทคโนโลยี "แป้งข้าว R- Micelle" เหมือนตัวแรกเลยค่ะ
ต่างกันแค่ตัวนี้ให้การปกปิดที่ดีกว่า สามารถทาเดี่ยวๆได้ และเป็นแบบอัดแข็ง หรือแป้งพัฟนั่นเอง


มีทั้งหมด 3 สี เลย มีทั้งโทนสว่าง และเข้มมากๆด้วย 


ตลับกระจุ๋งกระจิ๋งน่ารักมากกกก น้องๆนักเรียนน่าจะชอบเลย เพราะขนาดเล็กพกง่าย และสีสวยด้วย


ตลับเป็นพลาสติกหนาสีขาว ไม่ก๊องแก๊ง ถือว่าทำมาดีเลยค่ะ


สวอชลงแขนค่ะ จะเห็นว่าจะเป็นโทนเหลืองทั้งหมด เอาใจผิวสาวไทยสุดๆ ไม่เทาแน่นอน


เนื้อพัฟไม่หนามาก แต่นิ่มดี เนื้อละเอียดไม่สาก น่าจะปาดเนื้อแป้งขึ้นมาได้ดีเลย

ให้ดูความหนาของพัฟชัดๆ


 ส่วนตัวขวันใช้เบอร์ Beige 10 ค่ะ จะเห็นว่าปิดสีแดงๆบนผิวได้ดี
และที่มันดูสีต่างขนาดนี้ เพราะจริงๆขวันอันเดอร์โทน Neutral ซึ่งจะไม่เหลืองไม่ชมพู
พอทาแป้งสีเหลือง สีเลยจะดูต่างกับสีผิวจริงไปหน่อย แต่ความสว่างพอดีผิวค่ะ

การปกปิดส่วนตัวขวันว่าทำได้กลางๆ ขวันลองทาทับแล้วก็ยังได้เพิ่มนิดหน่อย ในรูปคือขวันทาไป2รอบค่ะ ยังถือว่าปกปิดได้ไม่มาก เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีรอยสิว หรือควรใช้แป้งคู่กับคอนซีลเลอร์


ผลการใช้
ส่วนตัวรู้สึกชอบแพคเกจ ความน่ารักน่าใช้ และความอ่อนโยนของเนื้อแป้ง สีของแป้ง ทำมาดีมากเลยค่ะ คุมมันได้ดีมาก ไม่เยิ้ม ไม่คราบ
แต่อย่างที่บอกว่าการปกปิดมันยังได้ไม่มาก เลเวลการปกปิดจะอยู่ในระดับกลาง เพราะขวันว่าพัฟมันกินเนื้อแป้งไปเยอะอยู่
เลยทำให้เวลาทาลงไป แทนที่เนื้อแป้งจะเกาะลงผิว มันกลับไปอยู่บนพัฟแทน

ขวันว่าถ้าพัฟสามารถส่งเนื้อแป้งลงผิวได้มากกว่านี้ การปกปิดน่าจะมากขึ้นตามค่ะ



 พบ LadyAudrey ได้ที่ทุกสาขาของEveandboy, Beautrium, ร้านบิวตี้มาเก็ต และร้าน Lashes

ติดตามได้ที่
IG: LadyAudreyclub
Line: @Ladyaudreyclub